หัวข้อ
- พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
- ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ใบงานที่ ๑๒
- ใบงานที่ 13
- ใบงานที่ 14
- ใบงานที่ 15
การสื่อสารข้อมูล
พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล ได้แก่ ผู้ส่ง (sender) ผู้รับ (receiver) ข่าวสาร (message) ตัวกล่าง (media) และโพรโทคอล (protocal) ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันในการสื่อสาร ตัวอย่างการสื่อสารข้อมูล เช่น การพูดคุยสื่อสารกันระหว่างผู้เรียน และผู้สอน
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
จากภาพ จะเห็นได้ว่า
- ผู้ส่ง คือ ผู้สอน
- ผู้รับ คือ ผู้เรียน
- ข่าวสาร คือ สิ่งที่ผู้สอนบรรยาย
- ตัวกลาง คือ อากาศ หรือกระดานที่ใช้เขียน
- โพรโทคอล คือ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร
มนุษย์มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันหลายระดับ เช่น การสื่อสารระหว่างคนในครอบครัว ระหว่างเพื่อน ระหว่างคนในสังคม
ในอดีตมนุษย์มีการใช้ภาษามือหรือแสดงท่าทาง เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร ต่อมาเมื่อมีภาษาพูดก็ใช้การพูดคุยกัน และมีการวาดภาพเพื่อบันทึกเรื่องราวถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจ เมื่อมีการประดิษฐ์ตัวอักษรก็ใช้การเขียนเป็นสื่อในการติดต่อสื่อสาร
สำหรับการติดต่อสื่อสารที่มีระยะทางไกลได้มีการพัฒนารูปแบบการสื่อสาร เช่น
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
- ชนเผ่าอินเดียนแดงใช้สัญญาณควัสไฟ
- ชนเผ่าในแอฟริการใช้การเคาะไม้หรือตีกลอง
ซึ่งการสื่อสารแบบนี้มีการตกลงรูปแบบของควันไฟ หรือจังหวะของเสียงเคาะ เพื่อให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ
เมื่อเทคโนโลยีทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้การสื่อสารในปัจจุบันมีการพัฒนาเพื่อส่งเสริมให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันทำได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น เช่นการใช้โทรศัพท์ การใช้อินเทอร์เน็ต
ตารางแสดงพัฒนาการของการสื่อสาร
ตัวกลางการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน โดยทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ข้อมูลเดินทางผ่านจากผู้ส่งไปสู่ผู้รับ ตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคสามแตกต่างกันในด้านของปริมาณข้อมูลที่ผ่านไปได้ในช่วงเวลาขณะใดขณะหนึ่ง การวัดปริมาณ หรือความจุในการนำข้อมูลที่เรียกว่าแบนด์วิดธ์ (bandwidth) มีหน่วยเป็นบิตต่อวินาที (bit per second) ตัวกลางในการสื่อสารมีทั้งแบบมีสายและไร้สาย ดังนี้
1. ตัวกลางแบบมีสาย
1.1 สายคู่บิดเกลียว
สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair : TP) ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงหุ้มด้วยฉนวนพลาสติก 2 เส้นพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลดผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากคู่สายข้างเคียงภายในเคเบิลเดียวกันหรือจากภายนอก ในปัจจุบันสายคู่บิดเกลียวได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้ส่งข้อมูลได้ด้วยอัตราเร็วมากกว่า 1 กิกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวมีราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี จึงมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง สายคู่บิดเกลียวมี 2 ชนิด คือ
1) สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวน หรือ Shielded Twisted Pair (STP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกอีกชั้น เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น จึงนิยมใช้ในสถานที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูง แต่มีราคาแพงกว่าสาย
UTP
2) สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือ Unshielded Twisted Pair (UTP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่ไม่มีลวดถักชั้นนอก ทำให้สะดวกในการเดินสายเพราะโค้งงอได้ดี แต่สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้น้อยกว่าชนิดแรก และมีราคาต่ำกว่า สายชนิดนี้นิยมใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่ายทั่วไป เช่น ใช้ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับแลน
1.2 สายโคแอกซ์
สายโคแอกซ์หรือสายแกนร่วม (coaxial cable) เป็นสายสัญญาณที่มีสายทองแดงเดี่ยวเป็นแกนกลางหุ้มด้วยฉนวน เพื่อป้องกันไฟรั่ว จากนั้นหุ้มด้วยลวดทองแดงถักเป็นร่างแหล้อมรอบเป็นตัวกั้นสัญญาณรบกวนอยู่ด้านนอก และหุ้มชั้นนอกด้วยฉนวนพลาสติก ลักษณะของสายเป็นแบบกลม และใช้สำหรับสัญญาณความถี่สูง สายโคแอกซ์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายมีหลายแบบตามคุณลักษณะทางด้านความต้านทานของสาย สายโคแอกซ์ที่พบในชีวิตประจำวัน เช่น สายอากาศโทรทัศน์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้ในการสื่อสารข้อมูลแล้ว
1.3 สายไฟเบอร์ออปติก
สายไฟเบอร์ออปติก หรือเคเบิลเส้นใยนำแสง (fiber optic cable) ทำจากแก้วหรือพลาสติกที่มีความบริสุทธิ์สูง ใช้แสงในการสื่อสารข้อมูลทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถรบกวนได้ ปัจจุบันสายไฟเบอร์ออปติกเป็นตัวกลางนำสัญญาณที่สำคัญในการสื่อสารข้อมูลดิจิทัล เนื่องจากสามารถรับส่งข้อมูลได้ในปริมาณมากกว่า 1 กิกะบิตต่อวินาที ใช้ได้ในระยะทางไกลถึงหลายกิโลเมตร และเกิดความผิดพลาดในการส่งข้อมูลต่ำ สายไฟเบอร์ออปติกมักนิยมใช้ในการเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
UTP
2) สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือ Unshielded Twisted Pair (UTP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่ไม่มีลวดถักชั้นนอก ทำให้สะดวกในการเดินสายเพราะโค้งงอได้ดี แต่สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้น้อยกว่าชนิดแรก และมีราคาต่ำกว่า สายชนิดนี้นิยมใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือข่ายทั่วไป เช่น ใช้ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับแลน
1.2 สายโคแอกซ์

1.3 สายไฟเบอร์ออปติก

2. ตัวกลางนำสัญญาณไร้สาย
การสื่อสารไร้สายอาศัยการส่งสัญญาณไปกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำสัญญาณไร้สาย (wireless transmission media) โดยมีวิธีการส่งสัญญาณหลายวิธี และยังสามารถใช้งานช่วงคลื่นที่ความถี่แตกต่างกันได้ด้วย คลื่นแต่ละช่วงความถี่ก็จะมีคุณสมบัติในการนำสัญญาณผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ช่วงคลื่นที่นิยมใช้กัน เช่น
2.1 คลื่นวิทยุ (radio wave) คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ในช่วง 10 กิโลเฮิรตซ์ ถึง 1 กิกะเฮิรตซ์ ใช้งานในการติดต่อสื่อสารในระบบแลนไร้สาย
2.2 คลื่นไมโครเวฟ (microwave) คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นวิทยุ มีการนำมาใช้งานทั้งในแบบการสื่อสารระหว่างสถานีบนพื้นโลกด้วยกัน และใช้สื่อสารระหว่างสถานีบนพื้นโลกกับดาวเทียม โดยถ้าเป็นการใช้งานระหว่างสถานีบนพื้นโลกจะใช้คลื่นความถี่ในช่วง 4-6 กิกะเฮิรตซ์ หรือ 21-23 กิกะเฮิรตซ์
ปัจจุบันไมโครเวฟใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างสถานีที่การติดตั้งสายสัญญาณทำได้ยาก เช่น ใช้ในการสื่อสารระหว่างภูเขากับพื้นราบ ใช้ในการถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียม
2.3 คลื่นอินฟราเรด (infrared wave) คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่าไมโครเวฟแต่ต่ำกว่าความถี่ของแสงที่ตามนุษย์มองเห็นได้ ใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างผู้ส่งกับผู้รับ โดยทั่วไปมักใช้ในการสื่อสารระยะใกล้ประมาณไม่เกิน 10 เมตร ลักษณะการใช้งาน เช่น การใช้รีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีด้ายเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในอดีตการสื่อสารข้อมูลจะใช้เครื่องปลายทาง (teminal) ที่อยู่ห่างไกล ส่งข้อมูลเข้ามายังคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลหรือใช้ทรัพยากร ต่อมามีการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานในลักษณะเครื่องเดียว (stand alone) ซึ่งสามารถประมวลผลเองได้ และสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น และเมื่อมีความต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้ทรัพยากรร่วมกัน จึงพัมนาคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันโดยเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อโดยผ่านตัวกลางในการสื่อสาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (resource sharing) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อทำงานร่วมกัน

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น
เราสามารถสร้างระบบเครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภทได้ เช่น หน่วยงานที่ต้องการลดต้นทุน อาจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเชื่อโยงกันเป็นเครือข่ายโดยให้ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเป็นเครื่องบริการไฟล์ (file server) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลและใช้โปรแกรมต่างๆ หน่วยงานสามารถขยายเครือข่ายการใช้คอมพิวเตอร์ โดยการเพิ่มจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือขยายความจุข้อมูลของเครื่องบริการไฟล์ให้เหมาะกับขนาดของหน่วยงานในอนาคต
ในปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่สามารถลดการลงทุนได้โดยมีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายกลุ่มเข้าเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร แทนการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
![]() |
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพที่ใหญ่ขึ้น |
ในปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่สามารถลดการลงทุนได้โดยมีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายกลุ่มเข้าเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร แทนการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน
บทบาทสำคัญของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่อองค์กร
1. ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและสามารถทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน
2. ส่งเสริมการใช้งานข้อมูลร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรให้กับองค์กร
3. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้คุ้มค่า เช่น แบ่งกันใช้ไฟล์ข้อมูล ใช้เครื่องพิมพ์ และอปุกรณ์ที่มีร่วมกัน
1. ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและสามารถทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน
2. ส่งเสริมการใช้งานข้อมูลร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรให้กับองค์กร
3. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้คุ้มค่า เช่น แบ่งกันใช้ไฟล์ข้อมูล ใช้เครื่องพิมพ์ และอปุกรณ์ที่มีร่วมกัน
ใบงานที่ 12
เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหา เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ >> คลิกที่นี่
2. ให้ผู้เรียนจับคู่ความสัมพันธ์ระหว่าง ชื่อของตัวกลางของการสื่อสาร กับลักษณะหรือเทคโนโลยีการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (แต่ละข้อสามารถใช้คำตอบซ้ำกันได้) ดังต่อไปนี้
..........1. ตัวกลางที่เป็นสายแบบกลม มีสายทองแดงเป็นแกนกลาง
และห่อหุ้มด้วยฉนวนด้านนอก
..........2. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ในช่วง 10 กิโลเฮิรตซ์
ถึง 1 กิกะเฮิรตซ์ นำไปใช้กับการสื่อสารแบบไร้สายได้
..........3. ตัวกลางที่เป็นสายคู่บิดเกลียวที่ไม่มีลวดถักชั้นนอก
มีความโค้งงอได้ ทำให้สะดวกในการเดินสาย นิยมใช้ในแลน
..........4. ตัวกลางที่ใช้สื่อสารระหว่างสถานีบนพื้นโลกกับดาวเทียม
ใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างสถานีที่การเดินสายทำได้ยาก
..........5. ตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารจากเมาส์ไร้สายกับเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าชั้นเรียน
..........6. ตัวกลางที่เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกอีกชั้น
เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ในสถานที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูง
..........7. เทคโนโลยีที่ใช้ในแลนไร้สาย
รองรับความเร็วในการสื่อสารได้สูงกว่า 10
เมกะบิตต่อวินาที
..........8. ตัวกลางที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกมีประสิทธิภาพสูง
ใช้เป็นตัวนำข้อมูลได้ในปริมาณมากและส่งข้อมูลได้ไกลหลายกิโลเมตร
..........9. เทคโนโลยีการส่งสัญญาณแบบไร้สาย
ที่ต้องจับคู่ของอุปกรณ์สื่อสารข้อมูล สามารถติดต่อรอบทิศทาง
........10. การใช้รีโมทคอนโทรลเปลี่ยนช่องรายการโทรทัศน์
ใบงานที่ 13
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ >> คลิกที่นี่
- ให้ผู้เรียนบอกชื่อ และหน้าที่ของอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ ชื่อ หน้าที่
1.

2.

3.

4.

5.

ใบงานที่ 14
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามบริเวณพื้นที่การให้บริการ แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ >> คลิกที่นี่
1.1 แพน หมายถึง...........................................................................
1.2 ยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์เป็นแพนได้
๑. ....................................
๒. ....................................
๓. ....................................
1.3 แพน มีระยะทางในการเชื่อมโยงไม่เกิน.................เมตร
1.4 เทคโนโลยีที่นำมาใช้กับแพน คือ.............................................
1.5 ยกตัวอย่างการนำแพนมาใช้ในชีวิตประจำวัน
2.1 แลน หมายถึง...........................................................................
2.2 การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างอาคารในโรงเรียน จัดเป็นแลนหรือไม่ ให้อธิบาย ................................................................
2.3 ยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้ในแลน...............................................
2.4 แลนไร้สาย คือ........................................................................
2.5 เทคโนโลยีที่นำมาใช้กับแลนไร้สาย คือ................................. และสามารถรองรับความเร็วในการส่งข้อมูลได้...................เมกะบิตต่อวินาที
2.6 ข้อดีของแลนไร้สาย คือ...........................................................
2.7 ข้อจำกัดของแลนไร้สาย คือ....................................................
3.1 แมน คือ...................................................................................
3.2 แมนแบบมีสาย ใช้ตัวกลางการสื่อสารชนิดใดในการเชื่อมต่อ และเพราะเหตุใด.............................................................................
3.3 แมนแบบไร้สาย ใช้เทคโนโลยี.............................................
3.4 ยกตัวอย่างการใช้งานแมน.....................................................
4.1 แวน คือ.................................................................................
4.2 ยกตัวอย่างการนำแวนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน..........................
ใบงานที่ 15
1. ให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามลักษณะการให้บริการและโครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ >> คลิกที่นี่
1.1 client-server network หมายถึง........................................
1.2 ข้อดีของ client-server network คือ.................................
2.1 peer to peer network : P2P หมายถึง...............................
2.2 ข้อดีของ peer to peer network : P2P คือ.........................
3.1 โครงสร้างเครือข่ายแบบผสม (Hybrid Topology) คือ................
3.2 ให้นักเรียนวาดแผนภาพแสดงการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบผสม พร้อมอธิบายลักษณะการทำงานมาพอเข้าใจ.......................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น